เผย 7 เคล็ดลับบ้านเย็นสบาย แถม ประหยัดค่าไฟ ได้อีกเยอะ

ค่าไฟ เป็นอีกค่าใช้จ่ายหนึ่งในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ ยิ่งเมืองไทยเมืองร้อน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าค่าไฟนี่วิ่งทะลุมิเตอร์กันเลยใช่ไหมคะ ก็จะอยู่ร้อนๆ ก็อยู่ไม่ได้ แค่นั่งเฉยๆ หลังก็เปียกแล้ว เลยต้องใช้อุปกรณ์เสริมทั้งพัดลมเอย แอร์เอย ตู้เย็นเอย...หืม ตู้เย็นด้วยเหรอ เอ่อ เวลาร้อนมากจริงๆ ก็แอบเอาหน้าไปแนบบ้าง บางทีก็เข้าไปอาศัยบ้าง แหะๆ แต่ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ทำให้บิลค่าไฟมาที แทบล้มหงายหลัง อยากจะย้ายไปอยู่บนยอดดอยเสียให้รู้แล้วรู้รอด วันนี้ฟิล์มโปร เลยขอนำเสนอเคล็ดลับประหยัดค่าไฟเด็ดๆ ที่ให้คุณจ่ายน้อย แต่เย็นมาก มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่า


ภาพจาก : http://www.uppices.com

1. ปลดระวางเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นคุณปู่

เคยไหมคะ ตู้เย็น หรือโทรทัศน์บางเครื่อง เห็นมาตั้งแต่เกิด จนบัดนี้ก็ยังใช้งานอยู่ คำนวณอายุขัยแล้วว่าเกิน 20 ปีแน่ๆ แบบนี้กินไฟแน่นอนค่ะ เข้าใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภททนทานยาวนาน พังช้า แต่ถ้าเรายังเสียดายเล็กๆ น้อยๆ ไม่ยอมเปลี่ยนใหม่ รับรองว่าได้เสียค่าไฟแสนแพงไปอีกนานแน่ๆ ค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นไหนที่จงรักภักดีกับเรามากว่า 20 ปีแล้ว ก็ปลดเกษียณให้ได้พักเถอะนะคะ


ภาพจาก : http://www.calgaryfridgerepairs.ca


2. ใช้หลอดประหยัดไฟ

หลอดประหยัดไฟคุ้มค่ากว่าแน่นอนค่ะ ความจริงแล้วหลอดไฟก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่นานๆ จะเปลี่ยนที แต่ถ้าคุณยังใช้หลอดไฟรุ่นเก่าอยู่ก็รีบเปลี่ยนดีกว่านะคะ อย่ามัวให้หลอดไฟแบบเก่าเปลืองไฟ มาดูดเงินในกระเป๋าคุณไปโดยใช่เหตุ


3. ติดแอร์ให้ถูกที่

ก่อนติดแอร์ควรดูว่าติดอยู่ในทิศทางที่สามารถกระจายความเย็นไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของห้องได้ทั่วถึงหรือไม่ แล้วห้องที่ติดเป็นอย่างไร อบอ้าวมากไหม ระบายอากาศได้ดีไหม ห้องกว้างขนาดไหน ควรใช้แอร์กี่ BTU จึงจะพอดีกับขนาดห้อง อย่างห้องเล็กๆ เย็นเร็วก็ไม่จำเป็นต้องติดแอร์ BTU เยอะให้เปลืองไฟนะคะ


ภาพจาก : http://twentyninety.com

4. ระบายอากาศร้อนก่อนเปิดแอร์

บางทีกลับมาบ้านง่วงก็ง่วง อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย เปิดแอร์เตรียมนอนดันนอนไม่หลับ เพราะร้อนจนหลังเปียกอีกแล้ว แอร์ไม่เย็นสักที แบบนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยการเปิดหน้าต่าง และพัดลม ช่วยระบายอากาศอบอ้าวในห้องออกไปก่อนค่ะ เพราะห้องปิดทั้งวันย่อมสะสมความร้อนเอาไว้ เมื่อเปิดแอร์ก็ต้องเปิดแรงๆ เพราะเย็นช้า ค่าไฟเลยขึ้นนั่นเอง


5. เปิดแอร์ที่อุณหภูมิพอเหมาะ

อุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซลเซียสเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายคนเราสามารถอยู่ได้สบาย ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป แต่ถ้าร้อนปรับลดอุณหภูมิลงมาที่ 25-26 องศาเซลเซียสก็ถือว่ายังอยู่ที่ในระดับที่ไม่กินไฟ 




ภาพจาก : https://timedotcom.files.wordpress.com


6. ตั้งเวลาปิดแอร์

ช่วงเวลาประมาณ ตี 2 เป็นเวลาที่ร่างกายหลับสนิท หากเราตั้งอุณหภูมิปิดแอร์เอาไว้ ห้องก็สามารถกักเก็บความเย็นไว้ได้จนเช้า หรือใครจะเปิดพัดลมช่วยระบายอากาศก็ยังได้นะคะ


7. ติดฟิล์มกันความร้อน

นี่เป็นตัวช่วยพิเศษให้บ้านเย็นเชียวค่ะ เพราะหากเราพยายามแค่ไหน หาวิธีประหยัดค่าแอร์ก็แล้ว แต่บ้านก็ยังร้อนเกินแอร์จะรับไหว เฟอร์นิเจอร์สวยๆ ก็โดนแดดลามเลียจนสีซีดหมอง 'การติดฟิล์มกระจกกันความร้อน"เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามาถช่วยประหยัดไฟได้ดีทีเดียว เพราะเมื่อติดฟิล์มกันความร้อนแล้ว ความร้อนจะถูกสะท้อนออกไปถึงทันที และไม่มืด ไม่อุดอู้เพราะแสงสว่างยังสามารถส่องผ่านได้สูงสุดถึง 70% เมื่อบ้านสว่าง ก็ไม่ต้องเปิดไฟเพิ่ม แถมอุณหภูมิลดลง ช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องเปิดแอร์แรงๆ นานๆ ทำให้ประหยัดค่าแอร์มากขึ้นอีกด้วย ต่างจากการติดผ้าม่านที่เราไม่สามารถมองทัศนียภาพภายนอกได้ แสงส่องผ่านได้น้อย ทำให้บ้านมืดลง คราวนี้ก็ต้องเปิดไฟเพิ่ม เสียค่าไฟแพงขึ้น และนอกจากนี้ฟิล์มติดกระจกยังช่วยลดรังสียูวี ลดอันตรายจากแสงแดดที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ด้วย


ภาพจาก : http://www.trbimg.com


รู้เคล็ดลับดีๆ แบบนี้แล้ว หวังว่าเราจะช่วยให้คุณๆ อยู่ในบ้านเย็นๆ ที่ทำให้อารมณ์เย็นตาม สดชื่น แจ่มใส และสามารถประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นนะคะ ส่วนใครอยากแก้ปัญหาบ้านร้อนในระยะยาว คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้จะถามใครดี อย่าลืม "FILMPRO" ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงด้านฟิล์มอาคาร ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปีที่พร้อมให้คำปรึกษาคุณนะคะ


ภาพจาก : http://www.eastsidewriter.com/


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาชาติ

Filmpro - ผู้เชียวชาญตัวจริงด้านฟิล์มอาคาร ด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี

ตัวอย่างลูกค้า

ตัวอย่างลูกค้าแบรนด์ต่างๆที่ใช้บริการติดฟิล์มกรองแสงกันร้อนกับ Filmpro อ่านต่อ...